วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

'พยัญชนะท้าย' (final sound) อ่านภาษาอังกฤษแบบฝรั่ง

สอนลูกอ่านภาษาอังกฤษแบบฝรั่งนะ ไม่เอาแบบไทย พอแล้วกับการสะกดแบบ "ซี เอ ที - แคท - แมว" หรือ "บี เอ ที - แบท - ค้างคาว" แบบนี้ยิ่งสอนสกิลการออกเสียงมันจะยิ่งพัง

เอาแบบนี้แทน "เขอะ แอะ เถอะ - แคท(เถอะ) - แมว" ฝึกไว้แล้วมันจะเป็นผลดีในระยะยาว โดยเฉพาะในตอนที่เราเริ่มศึกษาเรื่อง "โฟนิกส์" และ "โฟเนติกส์" บอกเลยการอ่านภาษาอังกฤษจะง่ายขึ้นเยอะ!

อันนี้เอาไปฝึกออกเสียง 'พยัญชนะท้าย' (final sound) ก่อนคร่าว ๆ เพราะเป็นสกิลออกเสียงขั้นเบสิคที่สุด เราจะใช้ "สระเออะ" (หรือ schwa sound) ในการออกเสียงพยัญชนะเหล่านี้

เริ่ม! 

*A - เอ เออะ เช่น Agree (อ่าน เออะ-'กรี)

B - บี เบอะ เช่น Bob (อ่าน บอบ-เบอะ) *เบอะให้ออกเสียงเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบ

**C - ซี เสอะ เช่น Peace (อ่าน พีซ-เซอะ) *เสอะให้ใช้แค่ลมออกเสียง // C อ่านเป็น เขอะ ได้ด้วย เช่น Mac (อ่าน แมค-เขอะ) *เขอะให้แค่ลมออกเสียง

D - ดี เดอะ เช่น Did (อ่าน ดิด-เดอะ) *เดอะให้ออกเสียงเบา ๆ

*E - อี เอะ เช่น Very (อ่าน 'เฝะ-หริ)

F - เอฟ เฝอะ เช่น chef (อ่าน เชฟ-เฝอะ) *เฝอะให้ใช้แค่ลมออกเสียง

**G - จี เจอะ เช่น George (อ่าน จอจ-เจอะ) *เจอะให้ออกเสียงเบา ๆ // G อ่านเป็นเสียง เกอะ ได้ด้วย เช่น dog (อ่าน ดอก-เกอะ) *เกอะให้ออกเสียงเบา ๆ

H - เอดช เฉอะ แต่!! เสียงของมันคือ เหอะ *เหอะใช้แค่ลมออกเสียง และเป็นได้แค่พยัญชนะต้น เช่น he (อ่าน ฮี) *กระแทกลมออกตอนออกเสียง ฮ

*I - อาย อาย เช่น Library (อ่าน 'ลาย-บริ)

J - เจ เจอะ *เจอะมีการเสียดสีของลิ้นกับเพดานปากเวลาออกเสียง และเป็นได้แค่พยัญชนะต้น เช่น Jar (อ่าน จา)

K - เค เขอะ เช่น kick (อ่าน คิก-เขอะ) *เขอะให้ใช้แค่ลมออกเสียง

L - เอล เหลอะ เช่น feel (อ่าน ฟีล-เหลอะ) *เหลอะให้ออกเสียงเบา ๆ

M - เอ็ม เหมอะ เช่น mum (อ่าน มัม-เหมอะ) *เหมอะให้ออกเสียงเบา ๆ

N - เอ็น เหนอะ เช่น nun (อ่าน นัน-เหนอะ) *เหนอะให้ออกเสียงเบา ๆ

*O - โอว โอว / เออว เออว เช่น Oh (อ่าน โอว / เออว)

P - พี เผอะ เช่น pop (อ่าน พอพ-เผอะ) *เผอะให้ใช้แค่ลมออกเสียง

Q - คยู เควอะ *เควอะใช้แค่ลมออกเสียง เช่น Quota (อ่าน 'คโว-เถอะ)

R - อา เหรอะ *ห่อปากเหมือนจะพูด ว แหวนแต่ให้ออกเสียงเหรอะ และไม่ต้องออกเสียงหากเป็นพยัญชนะท้าย (แต่คนอเมริกันอาจจะออกด้วย) เช่น rare (อ่าน วแร) // ส่วนคนอเมริกันอาจจะอ่าน วแร-เหรอะ *เหรอะให้ออกเสียงเบา ๆ และยกลิ้นค้างไว้

S - เอส เสอะ เช่น sis (อ่าน สิส-เสอะ) *เสอะให้ใช้แค่ลมออกเสียง

T - ที เถอะ เช่น tat (อ่าน แถท-เถอะ) *เถอะให้ใช้แค่ลมออกเสียง

*U - ยู / ยูว เช่น Uni (อ่าน ยู-หนิ // ยูว-หนิ)

V - ฟี เฝอะ (หรือบางคนคำอ่านว่า ฝวี / ฟวี ก็ได้อยู่) เช่น love (อ่าน ลัฟ-เฝอะ) *เฝอะให้ออกเสียงเบา ๆ

W - ดับเบิลยู เหวอะ เช่น now (อ่าน นาว-เหวอะ) *เหวอะให้ออกเสียงเบา ๆ

X - เอ็กเขอะเสอะ *เขอะเสอะให้ใช้แค่ลมออกคล้ายเสียงกระซิบ เช่น box (อ่าน บ็อก-เขอะ-เสอะ) *ใช้แค่ลมออกนะ! ไม่งั้นจะเป็นภาษาอะไรไม่รู้ 555

***Y - วาย หยิ เช่น my (อ่าน มาย-หยิ) *หยิให้ออกเสียงเบา ๆ

Z - เซ็ด เสอะ *มีการเสียดสีของลิ้นกับเพดานปากเวลาออกเสียง และมีเสียงก้องในคอ (ต่างจาก S ที่จะมีแค่ลม) เช่น is (อ่าน อิส-เสอะ) *เสอะให้ออกเสียงเบา ๆ *หลายคนที่สะกดด้วย -s อาจจะเป็นเสียง -z

_____

พยัญชนะที่ผมบอกให้ "ออกเสียงเบา ๆ" เราเรียกว่า voiced consonant ส่วนพยัญชนะที่ผมบอกให้ "ใช้แค่ลมออกเสียง" เราเรียกว่า voiceless connsonant ลองหาศึกษาเพิ่มเติมดู

อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะช่วยได้คือ "Phonemic chart" ถ้าเป็นแบบ interactive ยิ่งดี (หมายความว่าสามารถกดฟังเสียงได้) ลองหาดูมีหลายเว็บเลย (ที่แนะนำก็ของเว็บ Englishclub)

"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"

Stay knowledge-hungry

JGC.

* = เป็นสระ เป็นได้หลายเสียง ผมยกมาแค่หนึ่งตัวอย่าง

** = เป็นได้สองเสียง

*** = เป็นพยัญชนะกึ่งสระ

Cr.พ่อผมเป็นคนอังกฤษ

Copy มาจากห้อง โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

8 นิสัยที่ทำให้คุณดูแก่ขึ้น

คำว่า แก่ พูดเบาๆก็เจ็บ และหลายๆคนถ้าไม่ แก่ ก็คงไม่รู้กับตนเอง แต่ถ้าสาวๆ ท่านไหนที่อายุยังไม่แก่ แต่โดนเรียก"ป้า" อาจต้องฟังทางนี้โดยด่วน นั่นเพราะหากคุณอาจเผลอทำพฤติกรรมที่เรานำมาบอกต่อไปนี้ ก็ได้นะ



1. นอนดึกเป็นนิจ รู้หรอกน่าว่าสาว ๆ เวิร์กกิ้งวูแมนมีงานยุ่งเต็มไม้เต็มมือไปหมด จนใช้เวลาช่วงเย็นจนถึงกลางคืนหมดไปอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องนอนได้แล้วก็ดึกเสียแล้ว แต่รู้ไหมว่า การนอนดึกซึ่งจะทำให้ชั่วโมงการนอนของคุณสาว ๆ น้อยลงนั้นไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เพราะมีงานวิจัยระบุว่า การนอนดึกนอกจากจะมีผลต่อความดันโลหิต น้ำหนักตัว และโรคเบาหวานแล้ว ยังทำให้คุณดูแก่ขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้บอกให้คุณต้องนอนวันละ 8 ชั่วโมง ที่ใคร ๆ ต่างก็แนะนำว่าดีต่อร่างกายที่สุดหรอกนะ เพราะจำนวนชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ถ้าอยากทราบว่า ร่างกายของเราต้องการนอนมากแค่ไหน ก็ลองปิดนาฬิกาปลุกในวันที่เหนื่อยมาก ๆ และกำลังต้องการการพักผ่อนอย่างสุด ๆ แล้วนอนซะ ตื่นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จะได้รู้ว่าธรรมชาติของร่างกายของเราต้องการการนอนมากแค่ไหน ซึ่งโดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับพักผ่อนราว 7-8 ชั่วโมง

2. กินหวาน น้ำตาลเยอะ สาว ๆ กับความหวานอาจจะเป็นของคู่กัน แต่ "น้ำตาล" ที่ทำให้เกิดความหวานนั่นแหละค่ะ คือศัตรูตัวสำคัญของผิวสวยของคุณ เพราะมันจะทำให้ผิวพรรณดูหม่นหมอง และเหี่ยวย่นเอาได้ง่าย ๆ เพราะมันจะไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินซึ่งคงความกระชับให้ผิวพรรณนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว คุณก็ควรจำกัดการทานน้ำตาล โดยไม่ควรทานให้มากเกิน 10% ของแคลอรีที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ซึ่งน้ำตาลที่ว่าอาจจะเป็นน้ำตาลที่แฝงอยู่ในขนม เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่คุณอาจคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ

3. เครียดมากไป ก็แก่ไวนะ งานที่กองสุมหัว แถมปัญหาส่วนตัวก็ยังแก้ไขไม่เสร็จ ย่อมนำความเครียดมาสู่คุณสาว ๆ อย่างแน่นอน แต่หากความเครียดเกิดขึ้นเมื่อใด ฮอร์โมนคอร์ติซอลและนอร์เอพิเนฟรินในกระแสเลือดจะเพิ่มสูงขึ้นจนไปกดภูมิคุ้มกัน และยังไปกระทบสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความจำ และอารมณ์ ของคุณอีกต่างหาก

4. ฟังเพลงเสียงดัง จะรีบหูตึงไปใย เสียงที่ดังเกินไปจากไอพอดที่คุณฟังทุก ๆ วัน ย่อมส่งผลกระทบต่อประสาทหูของคุณอย่างแน่นอน โดยเพียงแค่คุณเปิดเสียงที่ระดับ 50% ความดังของเสียงก็พุ่งถึง 101 เดซิเบลแล้ว แน่นอนว่าใครที่ชอบฟังเสียงดัง ๆ แบบเต็มสตรีม อาการหูดับคงจะถามหาอย่างไม่ต้องสงสัย ทีนี้ ใครพูดอะไรทีก็ต้องเงี่ยหูฟัง หรือให้เขาพูดดัง ๆ อีกหลายรอบ กลายเป็นคนหูตึงเหมือนคนแก่เลยนะตัวเธอ

5. ออกไปเฮฮาซะบ้างนะ มีผลการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่า การมีความสุข และความพึงพอใจในมิตรภาพระหว่างเพื่อนสามารถทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น เพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนจะส่งผลต่อจิตใจ ช่วยให้คุณไม่หดหู่ ซึมเศร้า ลดโอกาสเสี่ยงของโรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากมาย เพราะฉะนั้น ใครที่ไม่ได้เจอะเจอหน้าเพื่อนเก่ามานานแล้ว โทรไปชวนเพื่อน ๆ มาจอยกันดีกว่า

6. เขี่ยผักออกจากจาน "ผักผลไม้" ช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เพราะผักผลไม้มีพลังต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว และร่างกายของคุณ อันจะทำให้คุณดูแก่ขึ้น แถมเจ้าสารอนุมูลอิสระนี้ยังมีส่วนทำลายเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้คุณเป็นโรคมะเร็งได้อีกต่างหาก เพราะฉะนั้นจงกินผักเสียดี ๆ คุณสาว ๆ ทั้งหลาย

7. หลีกหนีไขมัน (ตัวดี) หลายคนเข้าใจว่า "ไขมัน" คือศัตรูที่ร้ายที่สุดของการลดความอ้วน แต่จริง ๆ แล้ว "ไขมัน" ดีที่มีประโยชน์ก็มีอยู่มาก เช่น ไขมันจากปลา ถั่ว และน้ำมันมะกอก ล้วนเป็นไขมันดีและเป็นไขมันที่จำเป็นต่อสมอง หัวใจ กระดูกและข้อต่อต่าง ๆ แถมยังช่วยลดไขมันเลว หรือ LDL คอเลสเตอรอลได้อีกด้วย

8. จำไม่ได้ว่ามี Sex ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ สำหรับสาว ๆ ที่แต่งงานแล้ว ฟังทางนี้ เพราะงานวิจัยพบว่า เซ็กส์ สามารถช่วยให้อายุยืนยาวขึ้นได้ เนื่องจากมันจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเจ็บปวด ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง ลดความเครียด แถมยังช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญ ยังทำให้คุณดูเด็กลงได้ถึง 12 ปีเลยเชียวนะ

รู้อย่างนี้แล้ว ลดเลิกพฤษติกรรมดังกล่าวซะ ไม่งั้นอาจถูกเรียกว่า คุณป้า ก็ได้นะ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS

6 ข้อคิดกินอย่างไรไม่ให้อ้วน


การกินเป็นเหตุผลอันดับแรกเลยที่ทำให้เกิดโรคอ้วน สำหรับคนที่กำลังดูแลสุขภาพอยู่ วันนี้มีบทความดีๆ เกี่ยวกับการเลือกกินมาฝากคนรักสุขภาพกัน



  1. กินผัก ผลไม้เยอะหน่อย เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ผักผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อความสวยของคุณ และช่วยลดระดับไขมันโคเรสเตอรอลอย่างได้ผลอีกด้วย
  2. ถั่วและธัญพืช พันธมิตรของร่างกาย เช่น ข้าวกล้อง, งา, ถั่วต่างๆ , ลูกเดือย ซึ่งจะมีเส้นใยอาหารให้คุณอื่มเร็วขึ้นแถมยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระดับโคเลสเตอรอลอีกด้วย 
  3. กินปลาสิ อันนี้ดีชัวร์ หรือนื้อสัตว์ไม่ติดมันเป็นประจำโดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นโปรตีนชั้นดี ,และมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง ,หรือปลาแซลมอน ปริมาณไขมันที่คุณ ควรรับประทานต่อวัน ไม่ควรเกิน 5-8 ช้อนชานะคะ และหากจะรับประทานสลัดก็ไม่ควรใส่น้ำสลัดมากกว่า 5 ช้อนชา 
  4. ลดของหวานๆ ให้หวานน้อยหน่อย เช่น น้ำอัดลม, น้ำหวาน, ขนมหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆด้วย เพราะของหวานให้แต่พลังงาน ซึ่งหากรับประทานมากก็จะเกินความต้องการไปพอกพูนตามร่างกายของคุณให้อวบอ้วนเปล่าๆ
  5. เค็มจัดไป สงสารคุณไตนะ โดยคุณควรรับประทานเกลือให้น้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน 
  6. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยไม่ควรดื่มมากกว่า 1 แก้วต่อวัน เพราะนอกจากจะก่อโทษต่างๆแล้วยังมีแคลอรี่สูงอีกด้วย หากคุณรับประทานอาหารตามแนวทางนี้ จะทำให้คุณรักษารูปร่างให้สมส่วนได้อย่างยาวนาน ไร้ไขมันพอกพูนและสุขภาพดีไม่ผอม เหี่ยว ซีดเซียว ไร้เรี่ยวแรง จนดูโทรมมากกว่าสวยเสียมากกว่า


วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สูตรเครื่องดื่มลดหน้าท้อง และไขมันเกาะลำใส้


หน้าท้องเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่จะบ่งบอกถึงว่า ตอนนี้สภาพร่างกายคุณเป็นอย่างไร นั้นก็หมายถึงอาหารที่คุณกินเข้าไปมันเข้ามันสะสมจนทำให้คุณมีไขมันหน้าท้องมาก และจะทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วนไปในที่สุด และหน้าท้องเมื่อมีไขมันสะสมแล้วก็ลดยากเสียด้วยพอ ๆ กับไขมันที่สะโพกนั่นแหละ เราจึงมีวิธีทำสูตรนี้มาแนะให้ทำกัน



สูตรลดหน้าท้องนี้จะช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อยๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่างๆ ได้

ส่วนผสม

  • นมสดรสจืด 1 กล่อง
  • โยเกิร์ตรสจืด ครึ่งถ้วย
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาว 1 ลูก

น้ำผึ้ง จะพบว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต

นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ และต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น

สรรพคุณไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงเนื่องจากจุลินทรีย์ในโยเกิร์ต ทำให้ลำใส้ทำงานได้ดีไม่ทำให้ลำใส้บวมหน้าท้องป่องควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวัน


(สูตรเด็ดจาก เวปพันทิพ ห้องสวนลุม และโต๊ะเครื่องแป้ง )
ที่มา  ธรรมชาติบำบัด อ.สุทธิวัสน์


วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โทษที่เกิดจากการที่ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร


ใครมีพุงบ้าง ยกมือหน่อย คิดว่าหลายๆ ท่านคงมีปัญหาเรื่องนี้ วันนี้มีบทความดีๆ เกี่ยวกับความอ้วนคือ โทษที่เกิดจากการที่ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ มาให้อ่านกัน

โทษที่เกิดจากการที่ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร หากสะสมมาจะทำให้เกิดข้อบกพร่องและเป็นผลทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น





  1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศีรษะ
  3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
  4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
  5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
  6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ ทำให้จามในตอนเช้า
  7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก หน้าท้องเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่จะบ่งบอกถึงว่า ตอนนี้สภาพร่างกายคุณเป็นอย่างไร นั้นก็หมายถึงอาหารที่คุณกินเข้าไปมันเข้าไปสะสมจนทำให้คุณมีไขมันหน้าท้องมาก และจะทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วนไปในที่สุด และหน้าท้องเมื่อมีไขมันสะสมแล้วก็ลดยากเสียด้วยพอ ๆ กับไขมันที่สะโพกนั่นแหละ


(ภาพไขมันในลำใส้ที่ดูดซึมไม่หมดค้างอยู่ในลำใส้ น่ากลัวมากกกก -__- ")



เห็นอย่างนี้แล้ว ใคที่ปล่อยปล่ะละเลยเรื่องการกิน น่าจะหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้นนะจ๊ะ

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

6 ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงตอนจัดฟัน




การจัดฟันด้วยเหล็กดัดนั้นเป็นที่นิยมมานาน ปัจจัยนึงที่มีผลกับระยะเวลาในการจัดฟันให้มีประสิทธิภาพ คือการเลือกกินอาหาร หลักๆ คือให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แข็งและเหนียวมากๆครับ
  1. อาหารที่แข็งมากๆ เช่น ถั่ว มันฝรั่ง ขนมปังที่แข็งมากๆ จะทำให้เครื่องมือติดฟันที่เรียกว่า Bracket เสียหาย
  2. หมากฝรั่ง ลูกอม คาราเมล ข้าวโพดคั่ว พวกนี้เหนียว ติดฟัน
  3. แม้แต่การเคี้ยวน้ำแข็งเองก็ควรหลีกเลี่ยงนะจ๊ะ
  4. ถ้าต้องการทานผลไม้ เช่น มะม่วง ฝรั่ง แอ็บเปิ้ล (ที่เป็นลูกต้องกัด)ให้ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยทาน
  5. ให้ ระวังมากๆ ตอนรับประทานอาหารที่มีกระดูก เช่นน่องไก่ ซี่โครงหมู
  6. สุดท้ายถ้าติดนิสัยกัดนั่นกัดนี่ เช่น ปลอกปากกา เล็บ ก็ต้องเลิก
จะหล่อจะสวยก็ต้องอดทน แม้จะลำบาก แต่ถ้าให้ถามคนที่ดัดฟันทุกคนมักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คุ้มค้าที่ดัดซะทุกคนนั่นแหละ


วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

5 ข้อควรรูํเกี่ยวกับ Pepsi Max และ Coke Zero




1. ไม่ใส่น้ำตาลแต่หวาน 
นั่นเป็นเพราะสารที่ชื่อ แอสปาแตม (aspartame)ซึ่งให้รสชาติหวานเหมือนกับน้ำตาล แต่มีรายงานวิจัยมาว่ากินมากๆ ไม่ดี (แต่เชื่อเถอะครับ ถ้าจะเป็นคือ คุณต้องกินมากจริงๆ)

2. แอสปาแตมคือ 
เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง และถูกย่อยได้เช่นกัน และให้พลังงานพอๆกับน้ำตาล แต่เผอิญว่าแอสปาแตมเนี่ยหวานมากกว่า 4-500 เท่า มันก็เลยใช้ผสมน้อยกว่าน้ำตาลมากๆ

3.  แอสปาแตมมีส่วนกระตุ้นอาการไมเกรน ใครเป็นไมเกรนก็หลีกเลี่ยงนะ

4. กินแล้วอ้วนไหม 
ทางตรงคงไม่อ้วน เพราะดูจากแคลอรี่ที่ได้ แต่มีบางท่านบอกว่าอาจเกิดอากาศโหยน้ำตาลจริงๆ

5. กินทุกวันเป็นผลเสียไหม 
อันนี้คงจะต้องบอกว่าเหมือนน้ำอัดลมทั่วไป ทานมากๆคงไม่ดี ทานเป็นครั้งคราวแล้วดื่มน้ำเปล่าน่าจะดีที่สุดครับ